ไทยลุยหารือหลายชาติ เดินหน้า “ทราเวลบับเบิล”

ไทยลุยหารือหลายชาติ เดินหน้า “ทราเวลบับเบิล”

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-ททท.” ลุยหารือหลายชาติทำ “ทราเวลบับเบิล” จับคู่เจรจาแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ถกสิงคโปร์-ฮ่องกง หวังได้อานิสงส์พ่วงออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ พร้อมเล็งจับเข่าคุยเวียดนามและ สปป.ลาวเพิ่ม

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะหารือกับทางสถานทูตสิงคโปร์ เพื่อพิจารณาแนวทางการทำ “ทราเวล บับเบิล” (Travel Bubble) หรือเจรจาจับคู่การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้

กรณีนี้อาจเริ่มดำเนินการในระยะต่อไป หลังจากรัฐบาลได้เริ่มต้นนำร่องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ให้เดินทางมาในประเทศไทยแบบไม่กักตัวในห้อง 7 วัน ในพื้นที่ของโรงแรมที่พักของ จ.ภูเก็ต ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

“ตอนนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯรับทราบมาว่าประเทศสิงคโปร์มีการทำทราเวลบับเบิลกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาก่อนหน้านี้ หากไทยสามารถหารือกับสิงคโปร์ได้ก็อาจทำเส้นทางร่วมกันได้แบบ 1+3 ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น” 

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังสนใจทำทราเวลบับเบิลร่วมกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 น้อย จึงเป็นประเทศที่น่าสนใจในการทำทราเวล บับเบิลร่วมกัน จากนี้ไปคงต้องมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดและความเป็นไปได้ เช่นเดียวกับ สปป.ลาว ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีชายแดนติดกับไทยหลายจังหวัด และมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยเช่นกัน รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ด้วย คาดว่าการทำทราเวลบับเบิลน่าจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไป

ด้านตลาดจีน ยังคงรอความชัดเจนจากทางการจีนที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งทางไทยเองก็พร้อมหาทางดึงชาวจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นตลาดใหญ่และเป็นเป้าหมายของไทยมาโดยตลอด

“นอกจากนี้อยากให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวติดต่อกับลูกค้าตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ได้ฉีดวัคซีนไปเป็นจำนวนมากแล้ว และจะมีการเดินทางท่องเที่ยวหลังเดือนรอมฎอน 1 เดือน หรือในเดือน พ.ค.นี้ การดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว  

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า ทางคณะกรรมการท่องเที่ยวของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ขอหารือกับ ททท.ถึงความเป็นไปได้ในการทำทราเวลบับเบิลระหว่างฮ่องกงกับไทย ซึ่งในขณะเดียวกันฮ่องกงก็ได้หารือทำทราเวลบับเบิลกับทางสิงคโปร์ และสิงคโปร์ก็เจรจากับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ในกรณีที่ไทยตกลงกับฮ่องกงได้ จะนำไปสู่การทำทราเวลบับเบิลกับสิงคโปร์ และอาจจะได้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์พ่วงมาด้วย อย่างไรก็ตามมีรายละเอียดที่ต้องหารือกันอีกมาก โดยเฉพาะเงื่อนไขการเข้าฮ่องกงในปัจจุบันยังต้องกักตัว 21 วัน ถึงวันเริ่มต้นที่ไทยจะทำทราเวลบับเบิลกับประเทศต่างๆ กำหนดไว้เริ่มต้นวันที่ 1 ต.ค.2564 ได้หมายถึงกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วด้วย และทั้งหมดนี้ในส่วนของไทยต้องได้รับการอนุมัติจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินการได้ 

“เมื่อถึงเวลาทำทราเวล บับเบิล ต้องไม่มีการกักตัวผู้ที่เดินทาง ทั้งในส่วนที่เข้ามาประเทศไทย ซึ่งช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 สามารถมาที่ภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัวและไปได้ทั่วจังหวัดในช่วง 7 วันแรก หลังจากนั้นจึงไปจังหวัดอื่นได้ทั่วประเทศ และในส่วนที่คนไทยจะเดินทางไปประเทศที่เป็นคู่ตกลงก็ต้องไม่ถูกกักตัวด้วยเช่นกัน อย่างฮ่องกงในตอนนี้ยังต้องกักตัว 21 วัน สิงคโปร์ต้องกักตัว 14 วัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยังไม่เปิดให้คนเดินทางเข้าประเทศ ส่วนจีนยังไม่มีสัญญาณในการเปิดให้คนจีนออกเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ”

ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการรณรงค์ให้คนไทยยอมรับแนวคิด “รับวัคซีนเท่ากับปลอดภัย” เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ขณะเดียวกันทางการไทยก็ต้องให้การรับรองวัคซีนของต่างประเทศ เช่น ไฟเซอร์ แม้ไม่ฉีดให้คนไทย แต่นักท่องเที่ยวเป้าหมายในหลายประเทศ เช่น ชาวสหรัฐฉีดยี่ห้อนี้ หรือซิโนฟาร์มที่ฉีดให้คนจีนในประเทศ เป็นคนละยี่ห้อกับซิโนแวกที่ส่งขายนอกประเทศรวมทั้งขายให้ไทย เพื่อเวลาเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันจะได้ไม่มีปัญหาว่าฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนมา