เหมืองทองอัครา : อนุญาโตตุลาการเตรียมตัดสินข้อพิพาท ไทยต้องจ่าย 3 หมื่นล้านบาทให้คิงส์เกตหรือไม่

  • วัชชิรานนท์ ทองเทพ
  • ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เหมืองทองอัครา

ที่มาของภาพ, ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

ผ่านมาแล้วกว่า 4 ปี กรณีพิพาทระหว่างรัฐไทยกับ บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ในคดีเหมืองทองอัคราหลัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทั่วประเทศ

เหมืองทองอัคราหรือเหมืองทองคำชาตรีตั้งอยู่ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ ดำเนินการโดย บ.อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บ.คิงส์เกตฯ

บ.คิงส์เกตฯ เรียกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 72/2559 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ว่า "คำสั่งปิดเหมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลไทย" และเห็นว่าคำสั่งนี้ละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย แม้ว่าจะมีความพยายามในการเจรจาแล้วแต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทเมื่อเดือน พ.ย. 2560 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดเชยค่าเสียหายกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท

อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนไปตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2563 แล้ว แต่ยังไม่มีคำชี้ขาดใด ๆ เนื่องจากคู่กรณีทั้งสองได้ร้องขอให้คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเลื่อนการอ่านคำตัดสินมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกขอให้เลื่อนการอ่านคำตัดสินมาเป็นภายในวันที่ 31 ต.ค. 2564 และขอเลื่อนอีกครั้งมาเป็นภายในวันที่ 31 ม.ค. 2565 เนื่องจากกระบวนการเจรจาคู่ขนานยังไม่ได้ข้อยุติ

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทั่วประเทศ มีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2560

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทั่วประเทศ มีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2560

อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวันที่ 31 ม.ค. บริษัท คิงส์เกต ได้รายงานว่า อนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการอ่านคำชี้ขาดออกไปโดยไม่มีกำหนด

ล่าสุด นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. นี้ ทำให้มีความจำเป็นต้องขยายกรอบการใช้งบประมาณเพิ่มเติมออกไปเพื่อให้ครอบคลุมระยะเวลาในการสู้คดี โดยได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่ง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมาได้อนุมัติตามที่ กพร. ได้เสนอมา

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวไม่มีการปรับเพิ่ม ยังคงตามกรอบเดิม 796.67 ล้านบาท และปัจจุบันใช้ไปแล้ว 731.13 ล้านบาท

"เดิมกรอบการใช้งบประมาณในการต่อสู้คดี คือ 2560-64 และปี 2565 ได้กันเงินเหลื่อมปีไว้จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อจะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 และเข้าสู่ปีงบประมาณ 2566 แต่คำตัดสินเลื่อนไปเป็น 31 ธันวาคม 2565 จึงต้องขออำนาจ ครม.อนุมัติขยายเวลาการใช้เงิน"นายนิรันดร์ กล่าว

อะไรคือฉากทัศน์และผลพวงจากคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ บีบีซีไทยสนทนากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอนุญาโตตุลาการ และการลงทุนระหว่างประเทศ และนักเคลื่อนไหวภาคประชาชนที่ติดตามกรณีเหมืองทองอัคราเพื่อวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้มและผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย

ฉากทัศน์ที่ 1 "Happy Ending"

นับตั้งแต่เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ทั้งรัฐบาลไทยและคู่กรณีอย่าง บ.คิงส์เกตฯ ต่างแสดงเจตจำนงในการเจรจาเพื่อหาทางระงับข้อพิพาทควบคู่ไปกับกระบวนการระงับข้อพิพาทตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งปรากฏในถ้อยแถลงของ บ.คิงส์เกตฯ ที่แจ้งต่อหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียหลายครั้งในระยะหลัง

เหมืองทองอัครา

ที่มาของภาพ, ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

ดร.อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน ผู้ช่วยคณบดีหลักสูตรนานาชาติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกกับบีบีซีไทยว่าหากการเจรจาได้ข้อยุติ ข้อพิพาทนี้ก็จะถือว่าจบลงแบบ "happy ending" หรือเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย คู่กรณีก็จะเข้าสู่การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ (Settlement Agreements)

ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากทั้งสองฝ่ายบรรลุสัญญาประนีประนอมยอมความ ดร.อำนาจวิเคราะห์ว่ามี 2 แนวทาง คือ

  • แนวทางที่ 1 บ.คิงส์เกตฯ ถอนคดีออกจากกระบวนการอนุญาโตตุลาการ
  • แนวทางที่ 2 ขอให้คณะอนุญาโตตุลาการ "ชี้ขาดตามยอม" กล่าวคือมีคำชี้ขาดที่ไม่ได้ตัดสินว่าฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิด แต่ชี้ขาดว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ตกลงกันไว้ หากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว ก็สามารถนำคำชี้ขาดนี้ใช้บังคับคดีกันต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชนและนักต่อสู้ด้านสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเคลื่อนไหวและติดตามคดีเหมืองทองอัครามาอย่างต่อเนื่อง แสดงความกังวลต่อท่าทีการเจรจาที่ผ่านมาของรัฐบาลไทยกับ บ.คิงเกตฯ หลังจากเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการแล้ว รวมทั้งผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะทำให้ประชาชนเสียเปรียบ

"สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด ในส่วนของการเจรจาระหว่างรัฐไทยและนักลงทุนต่างชาติ คือ อาจนำไปสู่ดีล (ข้อตกลง) ที่เกินไปกว่าข้อพิพาทในลักษณะ 'มาตรา 44 ซ่อนรูป' เพื่อแลกกับการชดใช้ให้กับเอกชน เช่น การอนุญาตให้ขยายประทานบัตรเพิ่ม และข้อตกลงที่อาจจะไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. แร่ 2560" นายเลิศศักดิ์วิเคราะห์โดยอ้างถึงมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ให้อำนาจหัวหน้า คสช. สั่งการ ระงับ ยับยั้งหรือกระทำการใด ๆ ได้ทั้งทางนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ เพื่อประโยชน์และป้องกันปราบปรามการกระทำที่ทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ

นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชนและนักต่อสู้ด้านสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ

ที่มาของภาพ, ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

คำบรรยายภาพ,

นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชนและนักต่อสู้ด้านสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ

ฉากทัศน์ที่ 2 ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะ

การเข้าสู่ข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยและผู้ลงทุนรายใหญ่จากออสเตรเลีย ถือว่าเป็นการเดิมพันมูลค่าสูงเป็นหลักหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมกับงบประมาณแผ่นดินที่รัฐบาลไทยนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทกรณีปิดเหมืองทองอัคราระหว่างปี 2562-2564 รวมทั้งผลกระทบอื่น ๆ ที่จะตามมา ซึ่งยังไม่มีการประเมินมูลค่าในภาพรวม

"หากตกลงกันไม่ได้ (ในการเจรจา) และคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดออกมา นั่นหมายความว่า ไม่ฝ่ายไทยชนะ ก็ฝ่าย บ.คิงส์เกตฯ ชนะ หากฝ่ายไทยชนะเรื่องอาจจะจบไปเลย แต่หากเป็นฝ่ายคิงส์เกตฯ ชนะสิ่งที่จะต้องติดตามดูต่อไปก็คือ ค่าสินไหมทดแทนที่คณะอนุญาโตตุลาการจะสั่งให้ประเทศไทยจ่าย จะเป็นเท่าไหร่ และไทยจะยอมจ่ายหรือไม่" ดร.อำนาจกล่าว

หากว่าทางรัฐบาลไทยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยแก่คู่กรณี นักวิชาการด้านกฎหมายรายนี้อธิบายว่า ก็จะต้องมีการบังคับตามคำขี้ขาด ซึ่งประเทศไทยเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งในคดีโครงการก่อสร้างและให้บริการทางยกระดับดินแดง-ดอนเมือง ซึ่งพิพาทกับ บ.วอลเตอร์ บาว เอจี (Walter Bau AG) ผู้ลงทุนจากเยอรมนี ที่ บมจ. ทางยกระดับดอนเมืองยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการฟ้องกระทรวงคมนาคมในปี 2550 และต่อมาในปี 2552 อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดว่าประเทศไทยผิดพันธกรณีภายใต้ข้อตกลง และต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 29.21 ล้านยูโร บวกกับดอกเบี้ย

ดร.อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน ผู้ช่วยคณบดีหลักสูตรนานาชาติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ที่มาของภาพ, ดร.อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน

คำบรรยายภาพ,

"...หากเป็นฝ่ายคิงส์เกตฯ ชนะสิ่งที่จะต้องติดตามดูต่อไปก็คือ ค่าสินไหมทดแทนที่คณะอนุญาโตตุลาการจะสั่งให้ประเทศไทยจ่าย จะเป็นเท่าไหร่ และไทยจะยอมจ่ายหรือไม่"

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชย จึงทำให้ บ.วอลเตอร์ บาว นำคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไปบังคับใช้ในประเทศต่าง ๆ ผ่านบริษัทผู้พิทักษ์ทรัพย์ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการยอมรับนับถือและการบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ หรือ อนุสัญญานิวยอร์ก (New York Convention 1958) ซึ่งมีประเทศภาคีราว 170 ประเทศ และได้สืบทราบว่าในประเทศเยอรมนีมีทรัพยสินที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอยู่

"ถ้ายังจำข่าวกันได้ (เมื่อปี 2554) บ.วอลเตอร์ บาว ได้นำคำชี้ขาดดังกล่าวไปบังคับที่ศาลเยอรมนี และนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มธ. ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีตประกอบ

ต่อมาศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ถอนอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าต้องวางเงินเป็นหลักประกันมูลค่า 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 850 ล้านบาท ทั้งนี้ จากรายงานข่าวสื่อมวลชนไทยระบุว่า ทางการไทยชี้แจงกับศาลในเยอรมนีว่า เครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่เครื่องบินของทางราชการ แต่เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์

"หากเทียบกันกับคดีวอลเตอร์ บาว หากว่าไทยแพ้คดีให้กับคิงส์เกตฯ และไม่ยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนก็อาจจะเอาคำชี้ขาดที่ชนะคดีไปบังคับในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญานิวยอร์กได้" ดร.อำนาจกล่าวและวิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้ที่คิงส์เกตฯ อาจจะนำคำชี้ขาดมาบังคับใช้ เช่นเดียวกันกับคดีโฮปเวลล์

ทางด้านนายเลิศศักดิ์บอกว่า แม้ว่าหลังมีคำชี้ขาดจะยังสามารถต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมไทยได้ แต่ก็อยากเห็นรัฐบาลไทยแสดงเจตนารมณ์ในการต่อสู้ในชั้นอนุญาโตตุลาการให้มากกว่านี้ โดยใช้หลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เช่น ผลการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งข้อกำหนดในกฎหมายใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่

"ถ้าแพ้ในชั้นอนุญาโตตุลาการโดยไม่เห็นการต่อสู้อย่างเต็มที่ของรัฐบาลไทย ในฐานะประชาชนก็จะรู้สึกเสียใจ รู้สึกล้มเหลว เพราะ (ผมรู้สึกว่า) คุณไม่ได้จัดการเรื่องนี้ภายใต้ผลประโยชน์และความสงบสุขของประชาชนอย่างจริงใจ แต่พวกคุณกำลังเกลี่ยผลประโยชน์ใหม่สำหรับนายทุนเหมืองแร่ทองคำเท่านั้นเอง ที่มากกว่าคิงส์เกตฯ" นายเลิศศักดิ์ตั้งข้อสังเกต

ฉากทัศน์ที่ 3 คู่กรณีซื้อเวลาเจรจาต่อ

นอกจากความเป็นไปได้ตาม 2 แนวทางข้างต้นแล้ว การเจรจาคู่ขนานที่กำลังดำเนินอยู่และยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การอ่านคำพิพากษาชี้ขาดที่อาจจะมีขึ้นภายในสิ้นเดือนนี้ ต้องถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3

"ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าคำชี้ขาดจะออกมาช้าขนาดนี้ แต่ก็เข้าใจว่าคู่พิพาทคงจะส่งสัญญาณไปเรื่อย ๆ ว่า กำลังคุยกันอยู่ ขอให้ขยายเวลา ขออย่าให้คณะอนุญาโตตุลาการออกคำตัดสินหรือพักคำชี้ขาดไว้ก่อน" ดร.อำนาจกล่าว

คาดว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะอ่านคำตัดสินข้อพิพาทเหมืองทองอัครา ที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 31 ม.ค. นี้

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

คาดว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะอ่านคำตัดสินข้อพิพาทเหมืองทองอัครา ที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 31 ม.ค. นี้

บ.คิงส์เกตฯ แจ้งหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียในครั้งแรกว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจะออกมาในวันที่ 31 ต.ค. 2564 แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนด คู่กรณีก็ได้ขอให้เลื่อนการอ่านคำชี้ขาดออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. อีก

"หากถามว่า ในครั้งนี้มีความเป็นไปได้ไหมว่าจะขยายระยะเวลาออกไปอีก ผมคิดว่า มีความเป็นไปได้ โดยหลักการแล้ว การขอขยายระยะเวลาจำเป็นต้องได้รับความยินยอมเห็นด้วยของทั้งสองฝ่ายเมื่อเห็นว่าการเจรจายังคงสามารถดำเนินต่อไปได้"

ดร. อำนาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามหลักการไม่มีข้อกำหนดหรือข้อจำกัดจำนวนครั้งของการขยายระยะเวลาพักการอ่านคำขี้ขาด และหากพิจารณาจากสถิติคดีที่เข้าสู่ชั้นอนุญาโตตุลาการตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศแล้ว จะใช้เวลาเฉลี่ยคดีละ 4 ปี ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและความซับซ้อนของคดี บางคดีอาจจะใช้เวลายาวนานถึง 10 ปี บางคดีอาจจะใช้ระยะเวลาสั้นกว่า 4 ปีก็เป็นได้

ที่ผ่านมา บ.คิงส์เกตฯ มีการสื่อสารถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหมืองทองอัครากับผู้ลงทุนและสาธารณะผ่านเอกสารชี้แจง ก.ล.ต. ออสเตรเลียมาโดยตลอด

ที่มาของภาพ, เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

คำบรรยายภาพ,

ที่ผ่านมา บ.คิงส์เกตฯ มีการสื่อสารถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหมืองทองอัครากับผู้ลงทุนและสาธารณะผ่านเอกสารชี้แจง ก.ล.ต. ออสเตรเลียมาโดยตลอด

นักวิชาการด้านกฎหมายธุรกิจระหว่างประเทศจากสำนักธรรมศาสตร์ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการต่อสู้คดีในอนุญาโตตุลาการด้วยว่า รัฐบาลให้ข้อมูลต่อสาธารณะไม่มากนัก จนทำให้เกิดข้อสงสัยต่าง ๆ ถึงกระบวนการ ในทางกลับกัน ดูเหมืองฝ่ายผู้ฟ้องคดีอย่าง บ.คิงส์เกตฯ จะเป็นผู้ให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวมากกว่า ซึ่ง ดร.อำนาจอธิบายประเด็นนี้ว่า อาจจะเป็นเพราะว่า บ.คิงส์เกตฯ มีหน้าที่รายงานข้อมูลต่อหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลีย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและผลการดำเนินการของบริษัทฯ จึงทำให้ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากฝ่ายคิงส์เกตฯ

"ที่ผ่านมา ทางรัฐไทยไม่มีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูล อาจจะมองว่าเป็นความลับทางราชการ แต่ในช่วงหลัง ๆ มีคดีพิพาทระหว่างรัฐและนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เรื่องนี้ต้องมีความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่พยายามเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณ์เท่าที่จำเป็น" ดร. อำนาจกล่าว

บทเรียนจาก "คดีเหมืองทองอัครา"

การใช้อำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ เมื่อครั้งที่เป็นหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งระงับการอนุญาตให้สำรวจเหมืองแร่ทองคำ การต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ รวมทั้งการระงับการประกอบกิจการ มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เมื่อคำสั่งนี้กลายเป็นข้อพิพาทและเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หลายฝ่ายก็เริ่มมีความกังวลถึงผลพวงที่จะเกิดขึ้นหลังคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ

ภาพประกอบ

ที่มาของภาพ, ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

นายเลิศศักดิ์ ซึ่งมีอีกบทบาทหนึ่งคือแกนนำกลุ่มภาคประชาสังคมที่ใช้ชื่อว่า "เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่" มองว่ากรณีเหมืองทองอัคราฯ ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของไทย กล่าวคือ มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจของรัฐที่ผูกขาดอำนาจตั้งแต่การให้อาชญาบัตร ประทานบัตรและใบอนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่ จากเดิมที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความเห็นของประชาชน มาเป็นการรับฟังมากขึ้นและเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์จากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะของประชาชนที่อาศัยรอบ ๆ เหมือง

นี่จึงนำมาสู่การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่าง พ.ร.บ. เหมืองแร่ ปี 2560 ที่ต้องการจะพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุดรอยรั่วต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้ประเทศ

ชาวอ. เนินมะปรางชุมนุมจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนคัดค้านสัมปทานเหมืองทองอัครา

ที่มาของภาพ, ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

คำบรรยายภาพ,

ชาวอ. เนินมะปรางชุมนุมจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนคัดค้านสัมปทานเหมืองทองอัครา

ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติของไทยก็ให้ความสนใจและตระหนักถึงเรื่องปัญหาเหมืองแร่มากขึ้นเช่นกัน เช่น ในรายงานการศึกษาเรื่อง "เหมืองทองคำ: รายได้รัฐและผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม" โดย น.ส. สิตาวีร์ ธีรวิรุฬห์ นักวิชาการจากสำนักวิชาการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ม.ค. 2560) ได้เสนอแนะในประเด็นการทำเหมืองทองในไทย ซึ่งปัจจุบันมีเพียงเหมืองทองชาตรีและเหมืองทองภูทับฟ้า จ.เลย ไว้ว่า นโยบายรัฐต้องเน้นถึงเรื่องความยั่งยืน กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและปฏิรูปการบริหารจัดการเหมืองทองคำเพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับดูแลการประกอบการ และการฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมือง

สำหรับเหมืองทองอัคราที่ถูกปิดไป นายเลิศศักดิ์มองว่าเอกชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากการทำเหมือง

"หลังจากมีคำสั่งปิดเหมืองตั้งแต่ปี 2560 หนึ่งในสาระคำสั่งหัวหน้า คสช. คือ การฟื้นฟูในพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกระบวนการใด ๆ ของหน่วยงานรัฐที่เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเหมืองอย่างจริงจัง ในขณะที่นักวิชาการก็มีแรงผลักดันไม่เพียงพอ" นายเลิศศักดิ์กล่าว

ภาพกลุ่มผู้คัดค้านการปิดเหมืองทองอัคราที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ บ.คิงส์เกตฯ

ที่มาของภาพ, เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

คำบรรยายภาพ,

ภาพกลุ่มผู้คัดค้านการปิดเหมืองทองอัคราที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ บ.คิงส์เกตฯ

ทางด้าน ดร.อำนาจมองว่า กรณีเหมืองทองอัคราเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ในปัจจุบันกฎหมายระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

"การใช้ ม. 44 ถือเป็นการใช้อำนาจที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ (ในขณะนั้น) แต่เราอาจจะลืมไปว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก กฎหมายต่างประเทศก็มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศให้มากขึ้นด้วย" เขากล่าวทิ้งท้าย

ย้อนเหตุการณ์สำคัญ มหากาพย์ข้อพิพาทเหมืองทองอัครา

กระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกำหนดพื้นที่เพื่อการพัฒนาเหมืองแร่ทองคำเป็นโครงการใหญ่เพื่อเชิญชวนให้ผู้ลงทุนยื่นขอสิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แต่ไม่มีผู้สนใจลงทุนพัฒนาเหมืองทองคำ เพราะเห็นว่ารัฐจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ในอัตราสูงถึง 10% ของราคาประกาศ

ลิขสิทธิ์ภาพ ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

การปรับลดค่าภาคหลวงแร่ จาก 10% เหลือ 2.5% ตรงกับรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน เพื่อดึงดูดการลงทุน

ครม. มีมติให้ลดค่าภาคหลวงแร่ทองคำลงจากอัตรา 10% ของราคาประกาศ เป็น 2.5% โดยใช้ราคาตลาดทองคำลอนดอนเป็นมาตรฐาน

การปรับลดค่าภาคหลวงแร่ จาก 10% เหลือ 2.5% ตรงกับรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน เพื่อดึงดูดการลงทุน
คำบรรยายภาพ การปรับลดค่าภาคหลวงแร่ จาก 10% เหลือ 2.5% ตรงกับรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน เพื่อดึงดูดการลงทุน ลิขสิทธิ์ภาพ Getty Images

บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จากออสเตรเลีย เริ่มลงทุนในไทยผ่าน บ. อัครา ไมนิ่ง เพื่อทำธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บมจ. อัคราฯ

บ.อัครา ไมนิ่ง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. อัครา รีซอร์สเซส) เริ่มสำรวจแหล่งแร่ทองคำในพื้นที่ จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์

ครม. เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุกหาแร่ทองคำบริเวณเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายให้ อบจ. ดำเนินการขอประทานบัตรในพื้นที่ดังกล่าว

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

บ.อัคราฯ ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่ 5 ฉบับ ครอบคลุมพื้นที่โครงการชาตรีใต้

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บมจ. อัคราฯ

บ.อัคราฯ เริ่มดำเนินการผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ และได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เช่น ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% อีก 5 ปี

กระทรวงอุตสาหกรรมปรับค่าภาคหลวงแร่จากอัตราคงที่ 2.5% ของราคาทองคำ เป็นอัตราก้าวหน้าตามราคาทองคำระหว่าง 0-20%

ครม. มีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปศึกษาและเสนอแนะนโยบายการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ

ลิขสิทธิ์ภาพ ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

บ.อัคราฯ ได้ประทานบัตรสำหรับโครงการชาตรีเหนือจำนวน 9 แปลง ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า โดยมีสัมปทานถึงปี 2571 แม้ว่าจะมีกลุ่มชาวบ้านออกมาคัดค้านการขยายเหมือง แต่ไม่เป็นผล

ครม. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อร้องเรียนของกลุ่มผู้คัดค้านเหมืองแร่ในนาม “ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” กรณีการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอการให้สัมปทานเหมืองรายใหม่ เร่งรัดการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่

บ.อัคราฯ ได้รับอนุมัติให้ขยายโรงงานประกอบโลหกรรม และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี จากกำไรสุทธิที่ได้รับจากการประกอบโลหกรรมส่วนขยาย

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บมจ. อัคราฯ

บ.อัคราฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยแปรสภาพมาเป็น บมจ. อัครา รีซอร์สเซส โดยมี บ. คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ยังถือหุ้นหลักในสัดส่วน 48.2% ส่วนอีก 51.8% เป็นของนางณุชรีย์ ไศละสูต ต่อมาบริษัทได้ถอนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป แต่ยังคงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจนถึงปัจจุบัน

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บมจ. อัคราฯ

กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยรังสิตลงพื้นที่ตรวจเก็บตัวอย่างปัสสาวะ เลือด น้ำและดิน เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า ประชาชนในพื้นที่รอบเหมืองทอง จำนวน 738 คน เด็ก 67 คน มีสารหนูในเลือดสูง และผู้ใหญ่จำนวน 664 คน มีสารหนู 104 คน ส่วนผลตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่าประชาชน 200 ราย มี DNA ผิดปกติ

นายสุรพงษ์ เทียนทอง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดสั่งให้ บมจ. อัคราฯ หยุดประกอบกิจการโลหกรรมเป็นเวลา 30 วัน เพื่อหาสาเหตุผลกระทบต่อสุขภาพชาวบ้าน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2530

ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตในการทำเหมืองแร่ทองคำบริเวณพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หลังจากมีตัวแทนของประชาชนผู้ร้องเรียนและผู้ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2553 และมีข้อมูลว่า ก.ล.ต. พบบริษัทออสเตรเลีย ถือหุ้นใหญ่บริษัทไทย ถูกร้องสอบทำทุจริตการขุดเหมือง และให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

20 ก.ค. 2558 - กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำใน จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ และจ.พิษณุโลก เข้าพบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือขอติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการจากที่เคยมายื่นหนังสือร้องเรียน
คำบรรยายภาพ 20 ก.ค. 2558 - กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำใน จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ และจ.พิษณุโลก เข้าพบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือขอติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการจากที่เคยมายื่นหนังสือร้องเรียน ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ

กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งคณะกรรมการกลางตรวจสอบข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านรอบเหมืองทองคำ จ.พิจิตร กับผู้ประกอบการ หวังยุติความขัดแย้ง

ชาวอ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก จัดกิจกรรมพร้อมเปิดเวทีแสดงจุดยืนคัดค้านสัมปทานเหมืองทองในวันที่ 10 ต.ค. 2558 เพื่อเรียกร้องให้ นางอรรชญกา ศรีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งขณะนั้นลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชน บริเวณเหมืองแร่ทองคำในเขต จ.พิจิตร
คำบรรยายภาพ ชาวอ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก จัดกิจกรรมพร้อมเปิดเวทีแสดงจุดยืนคัดค้านสัมปทานเหมืองทองในวันที่ 10 ต.ค. 2558 เพื่อเรียกร้องให้ นางอรรชญกา ศรีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งขณะนั้นลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชน บริเวณเหมืองแร่ทองคำในเขต จ.พิจิตร ลิขสิทธิ์ภาพ ณัฐวุฒิ อุปปะ กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง

บมจ.อัคราฯ เผยแพร่ผลการตรวจสุขภาพของประชาชนจำนวน 226 คนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบเหมืองแร่ทองคําชาตรีในรัศมี 500 เมตร และ 5 กิโลเมตร ตามเงื่อนไขการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อ้างไม่พบสารไซยาไนด์ในเลือดเกินเกณฑ์

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 72/2559 สั่งห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาต และให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำระงับการประกอบกิจการตั้งแต่ 1 ม.ค.2560

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
คำบรรยายภาพ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

ท่ามกลางเสียงของฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการระงับกิจการส่วนใหญ่เป็นพนักงานเหมืองทองและครอบครัว

ภาพกลุ่มผู้คัดค้านการปิดเหมืองทองอัคราที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ บ.คิงส์เกตฯ
คำบรรยายภาพ ภาพกลุ่มผู้คัดค้านการปิดเหมืองทองอัคราที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ บ.คิงส์เกตฯ ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

เหมืองทองอัครายุติการดำเนินการลงตามคำสั่งของ คสช. ที่ 72/2559

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บมจ. อัคราฯ

บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ในประเทศออสเตรเลียผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ. อัคราฯ ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยว่าได้ละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย จากคำสั่งปิดเหมืองทอง โดยขอเจรจากับรัฐบาลไทย หากไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเวลา 3 เดือน บริษัทฯ จะขอเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาท

พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2560 เป็นการนำหลักการของ พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 และ พ.ร.บ. พิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. 2509 มารวมไว้ในฉบับเดียวกัน และมีผลให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอาชญาบัตร ประทานบัตรหรือใบอนุญาตที่ออกตาม พ.ร.บ. แร่ ฉบับก่อนหน้ายังคงเป็นผู้ได้รับอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือ ใบอนุญาตไปจนกว่าจะสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอน

ลิขสิทธิ์ภาพ ราชกิจจานุเบกษา

บ.คิงส์เกตฯ ยื่นเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหายกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) จากคำสั่งปิดเหมืองทอง

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งทีมทนายความและนักกฎหมายเพื่อต่อสู้ข้อพิพาทกรณีเหมืองแร่อัคราในคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่สิงคโปร์ โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน

บ.คิงส์เกตฯ แจ้ง ก.ล.ต. ออสเตรเลียว่า กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างรัฐบาลไทยและ บ.คิงส์เกตฯ นัดแรกที่ฮ่องกง จำต้องเลื่อนออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 18-29 พ.ย. เนื่องจากเหตุความวุ่นวายทางการเมือง

ในช่วงเดือน พ.ย. 2562 ในฮ่องกง เกิดเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งจากการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คำบรรยายภาพ ในช่วงเดือน พ.ย. 2562 ในฮ่องกง เกิดเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งจากการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลิขสิทธิ์ภาพ Getty Images

บ.คิงส์เกตฯ แจ้ง ก.ล.ต. ออสเตรเลียถึงความคืบหน้าการไต่สวนนัดแรกในกระบวนการอนุญาโตตุลาการว่าจะเริ่มขึ้นในวันที่ 3 ก.พ. 2563 แต่ยังเปิดการเจรจากับรัฐบาลไทย

บ.คิงส์เกตฯ แจ้ง ก.ล.ต. ออสเตรเลียว่า กระบวนการไต่สวนในกระบวนอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย กรณีเหมืองทองคำชาตรีถูกสั่งปิดได้เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 แต่ยังไม่ระบุวันอ่านคำพิพากษาชี้ขาด ส่วนการเจรจากับทางการไทยยังคงดำเนินต่อไป

เหมืองทองอัครา ติดอันดับแฮชแท็กยอดนิยมในประเทศไทย หลังผู้ใช้งานทวิตเตอร์ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับ เอกสารงบประมาณปี 2564 ซึ่งระบุถึง ค่าใช้จ่ายราว 111 ล้านบาท ที่ใช้ในการระงับข้อพิพาทกรณีปิดเหมืองทองอัครา

ขณะที่สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ระหว่างปี 2562-2564 จากสำนักงบประมาณ มีงบเกี่ยวพันในส่วนกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ใช้ในวัตถุประสงค์เดียวกันรวม 388 ล้านบาท
คำบรรยายภาพ ขณะที่สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ระหว่างปี 2562-2564 จากสำนักงบประมาณ มีงบเกี่ยวพันในส่วนกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ใช้ในวัตถุประสงค์เดียวกันรวม 388 ล้านบาท ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา

บ.คิงส์เกตฯ ระบุในเอกสารชี้แจง ก.ล.ต. ออสเตรเลียส่วนหนึ่งระบุว่า บมจ.อัคราฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกกำลังเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อขออนุญาตให้สามารถจำหน่ายสินแร่ทองคำและสินแร่เงินที่ยังติดค้างในถังและโรงงานแปรรูปที่เหมืองทองคำชาตรีหลังจากถูกสั่งปิด

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

บ. คิงส์เกตฯ ออกแถลงการณ์ว่า บมจ.อัคราฯ บรรลุข้อตกลงกับโรงถลุงแร่ของไทยที่จะดำเนินการถลุงสินแร่ตามกฎหมายใหม่ ที่กำหนดให้ทองคำที่ขุดในประเทศไทยต้องถลุงในประเทศไทย โดยได้เริ่มขนส่งสินแร่ไปยังโรงถลุงแล้ว

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

กพร. อนุมัติออกอาชญาบัตรพิเศษให้แก่ บมจ.อัคราฯ จำนวน 44 แปลงในพื้นที่ อ.ชนแดน และ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ครอบคลุมเนื้อหา 397,226 ไร่ เป็นระยะเวลา 5 ปี เริ่มต้น 26 ต.ค. 2563

บ.คิงส์เกตฯ เปิดเผยว่า การเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อระงับข้อพิพาทเข้าสู่ระยะสุดท้าย ขณะที่คณะอนุญาโตตุลาการพร้อมที่จะมีคำพิพากษา แต่บริษัทฯ และรัฐบาลไทยได้ร่วมกันร้องขอให้คณะอนุญาโตตุลาการชะลอการอ่านคำพิพากษาออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2564 เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปในการเจรจา

บ.คิงส์เกตฯ ออกแถลงการณ์ว่า ภายในเดือน ธ.ค. 2564 บริษัทคาดว่าจะเริ่มปรับปรุงเหมืองทองคำชาตรีด้วยใบอนุญาตการแปรรูปโลหกรรม (Metallurgical Processing License) และต่ออายุสัญญาการเช่าการขุดสำหรับการดำเนินงาน เนื่องจากการเจรจากับรัฐบาลไทยยังไม่สิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายจึงขอให้คณะอนุญาโตตุลาการเลื่อนคำตัดสินข้อพิพาทเหมืองทองอัคราไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2565

ลิขสิทธิ์ภาพ เว็บไซต์ บ.คิงส์เกตฯ

บ.คิงส์เกตฯ ออกคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียถึงขั้นตอนการกลับมาเปิดเหมืองชาตรี โดยส่วนหนึ่งระบุว่าคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้เลื่อนคำชี้ขาด “คดีเหมืองทองอัครา” ออกไปโดยไม่มีการกำหนดวัน