สืบเนื่องจาก คณะกรรมการแร่ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ได้เห็นชอบการอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำและเงิน ด้วยวิธีการทำเหมืองแร่แบบเหมืองเปิด จำนวน 4 แปลง ได้แก่ ประทานบัตรที่ 25528/14714 ในพื้นที่ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ และประทานบัตรที่ 26910/15365 ประทานบัตรที่ 26911/15366 และประทานบัตรที่ 26912/15367 ในพื้นที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ออกไปอีก 10 ปี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จึงได้อนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตร 4 แปลงดังกล่าว อีก 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 64-29 ธ.ค. 74  ซึ่งเป็นของ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส บริษัทลูกของบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ที่กำลังมีข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย อยู่ในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ กรณีถูกยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมทั้งคำขอต่ออายุประทานบัตรทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 60

นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ใบอนุญาตทั้ง 4 ใบที่ทาง บมจ.อัคราฯ ได้นั้น เป็นการยื่นตาม พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ พ.ศ. 2560 และเป็นใบอนุญาตเดิมที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นขออนุญาตไว้แล้ว ไม่มีพื้นที่ใหม่ ซึ่งการอนุญาตครั้งนี้ เป็นการยืนยันและพิสูจน์ว่า ทาง กพร.ให้ความเป็นธรรมกับบริษัทฯ โดยขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายของไทย และขณะนี้รอให้อัคราฯ แจ้งมาว่า จะเข้ามาดำเนินการลงทุนเมื่อไร โดยก่อนที่จะลงทุน ทาง กพร.จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อติดตามตรวจสอบการประกอบกิจการ จะมีตัวแทนชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมด้วย

“แนวโน้มการฟ้องร้อง เชื่อว่า จะดีขึ้น ตามหลักการแล้ว ถ้าสามารถตกลงกันได้ ก็อาจจะมีการถอนฟ้อง หรือจบคดีร่วมกันด้วยดี เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะฟ้องร้องกันอีก ส่วนเดดไลน์คณะอนุญาโตฯ 31 ม.ค. นี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างตกลงกันจะขอขยายเวลาออกไปอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ กพร.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความเป็นอยู่ชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากผู้ประกอบการหยุดดำเนินการ และได้สอบถามชาวบ้านพบว่า ส่วนใหญ่อยากให้บริษัทกลับมาดำเนินกิจการ เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่วนการที่บริษัทฯ จะกลับมาดำเนินการเมื่อไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทฯ เป็นสำคัญ”