ปิดฉากการค้าเอเปค2022 21เขตเศรษฐกิจไร้ฉันทามติ ค้างเติ่ง7ประเด็น…ส่งไม้ต่อผู้นำ

ปิดฉากการค้าเอเปค2022 21เขตเศรษฐกิจไร้ฉันทามติ ค้างเติ่ง7ประเด็น

การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค APEC Ministers Responsible for Trade Meeting 2022 : MRT หรือ APEC 2022 Thailand ระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2565 ได้ปิดฉากลงแล้ว แม้ในระหว่างการประชุมจะมีสมาชิกบางส่วน “วอล์กเอาต์” ประท้วงรัสเซียขณะขึ้นกล่าวในระหว่างการประชุม แต่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์จนน่าตกใจ

⦁ปิดฉากเอเปค2022
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานการประชุมที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดเอเปค ได้แถลงผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (MRT) ว่า ภาพรวมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในฐานะประธานที่ประชุม ตนได้แสดงความชื่นชมกับรัฐมนตรีการค้าเอเปคจากทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอแบก (ABAC) และผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสมาชิกเอเปคในการผลักดันและกำหนดทิศทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน รวมทั้งการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยกำหนดขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.”

อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะหัวข้อหลักที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “Open. Connect. Balance.” เป็นไปตามเป้าหมายและบรรลุผลเป็นรูปธรรม ทั้งจากความเห็นของที่ประชุมและที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ในเรื่องของ Open คือ การเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกัน ผลรูปธรรมที่ทุกเขตเศรษฐกิจเห็นร่วมกันคือการที่เราจะนำเอเปคไปสู่การจัดทำ FTAAP (Free Trade Area of the Asia-Pacific) ให้เกิดขึ้นในอนาคต สำหรับเรื่อง Connect หรือการเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจทั้งในส่วนของบุคคลหรือสินค้าและบริการ ได้มีการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า APEC Safe Passage Task Force เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และส่วนคำว่า Balance หรือสร้างสมดุล มีความเห็นที่ตรงกันในทุกเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมประชุมให้มุ่งเน้นการสร้างสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกระดับ ตั้งแต่คนตัวใหญ่จนกระทั่งถึงคนตัวเล็ก ในระดับ SMEs และ Micro-SMEs เแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง สตรี และอื่นๆ

นอกจากนั้น สัญญาณอีกข้อ ที่สะท้อนความสำเร็จของประเทศไทย คือ การที่ทุกเขตเศรษฐกิจได้ยอมรับและสนับสนุน BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ของไทย ให้เป็นวิสัยทัศน์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกลุ่มเขตเศรษฐกิจเอเปคในอนาคต

Advertisement

⦁ไร้แถลงการณ์ร่วม
“การประชุมครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ที่ประชุมไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมของการประชุมเอเปคได้เช่นเดียวกับบางครั้งที่เกิดขึ้นในอดีต แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ จะมีผลลัพธ์ในรูปถ้อยแถลงหรือแถลงการณ์ของประธานการประชุมเอเปค คือ ประเทศไทย ในรูป Chair Statement แทน ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการยกร่าง เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมามีส่วนร่วมในการยกร่างและจะประกาศเป็นทางการในรูปเอกสารต่อไป ถึงแม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วม แต่ผมถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จและประเทศไทยเคารพความเห็นของทุกเขตเศรษฐกิจรวมทั้งประเทศไทยยังพร้อมทำงานร่วมกับเอเปคอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดตั้งเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) การสนับสนุนการค้าในรูปแบบพหุภาคี รวมทั้ง WTO และการจับมือเดินไปด้วยกันอยู่ร่วมกันกับโควิดและอนาคตต่อไป”

แต่อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ร่วมจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจมีความเห็นตรงกันทั้งหมดที่เรียกว่าเป็นฉันทามติ ถ้ามีแม้เขตเศรษฐกิจใดเศรษฐกิจหนึ่งเห็นไม่สอดคล้องก็ไม่สามารถประกาศได้ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เนื่องจากมีความเห็นไม่สอดคล้องกันในเรื่องสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกเขตเศรษฐกิจเห็นพ้องกันในการให้มีแถลงการณ์ร่วม เพียงแต่มีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่เห็นไม่สอดคล้องกัน บางเขตเศรษฐกิจเห็นไม่ตรงกัน เป็นที่มาที่ทำให้ไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้

⦁21เขตเศรษฐกิจรับแค่หารือ7ประเด็น
ทั้งนี้ ในการประชุมเอเปคได้หยิบหัวข้อสำคัญ คือ การหาข้อสรุปร่วมกันในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ร่วมกับอนาคต ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญหัวข้อหนึ่งในการประชุมเอเปคครั้งนี้ ได้ข้อสรุปจากความเห็นของรัฐมนตรี และผู้แทนเขตเศรษฐกิจการค้าทาง 21 เขต แบ่งเป็น 7 ประเด็นหลัก

Advertisement

ประเด็นที่ 1 ได้มีข้อเสนอในเรื่องการเคลื่อนย้ายบุคคลข้ามพรมแดนควรมีการอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นอีกครั้งโดยเฉพาะการมุ่งเน้นการเดินทางที่ปลอดภัย และการใช้ระบบที่รองรับการเดินทางติดต่อระหว่างกันให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น

ประเด็นที่ 2 ที่ประชุมมีความเห็นเรื่องการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับระบบโลจิสติกส์ ซึ่งหลายประเทศมีปัญหาในเรื่องการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบมาใช้เพื่อการผลิตและวัตถุดิบที่มีราคาสูงขึ้น ควรมีการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ด้วยระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพระหว่างกันซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนและธุรกิจต้องการเป็นพิเศษ

ประเด็นที่ 3 หลายเขตเศรษฐกิจมีข้อเสนอการสนับสนุนให้มีการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะแหล่งทุนห่วงโซ่อุปทาน สำหรับทุกภาคส่วนการผลิตและภาคส่วนเศรษฐกิจโดยเฉพาะสำหรับ SMEs และ Micro SMEs กลุ่มเปราะบางสตรี ผู้ด้อยโอกาส แรงงานและผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น

ประเด็นที่ 4 หลายประเทศมีความเห็นว่าจุดยืนด้านมนุษยธรรมเพื่ออนาคต รวมทั้งสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงมุ่งเน้นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงวัคซีนให้มากที่สุดรวมถึงดูแลและป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต

ประเด็นที่ 5 จะต้องจับมือกันในการมุ่งขจัดอุปสรรคทางการค้าและเปิดกว้างอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน มุ่งเน้นการสร้างกฎเกณฑ์ที่เอื้อต่อการในเวทีสากลทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและหลังโควิด โดยใช้เศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นอีคอมเมิร์ซหรือรูปแบบอื่นๆให้เป็นประโยชน์และเข้ามามีบทบาทให้มากขึ้น

ประเด็นที่ 6 การมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทุกเขตเศรษฐกิจสนับสนุนการนำ BCG Model มาใช้ รวมถึงการใช้ใน MSMEs ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ รวมทั้งการมุ่งเน้นในเรื่องสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานทางเลือก การใช้ไฮโดรเจน เป็นต้น รวมทั้งการสนับสนุนส่งเสริมการเปิดตลาดพลังงานสะอาดต่อไป และมีเขตเศรษฐกิจหนึ่งให้ความเห็นว่าการปรับปรุงสภาพอากาศไม่มีใครทำคนเดียวได้แต่ต้องร่วมมือกันภายใต้เอเปคและภายใต้ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) และ WTO ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปล่อยคาร์บอน การลดการอุดหนุนพลังงานดั้งเดิมหรือรูปแบบอื่นใด

และสุดท้ายประเด็นที่ 7 มีการพูดกันเพื่อสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงานในกลุ่มประเทศเอเปคเกิดขึ้น

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเด็นความเห็นที่เป็นข้อสรุปจากการหารือกันในหัวข้อการอยู่ร่วมกับโควิด-19 และนำไปเป็นประเด็นประชุมในอนาคตต่อไป ก่อนที่จะมีการนำเสนอการประชุมระดับผู้นำในปลายปีนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image