“ขี้ยา-ขาเมา” จ๊าก คลังเล็งเก็บแวต “บุหรี่-เหล้า” เพิ่มเป็น 10% หารายได้แสนล้านโปะรัฐ-ใช้หนี้

“ขี้ยา-ขาเมา” จ๊าก คลังเล็งเก็บแวต “บุหรี่-เหล้า” เพิ่มเป็น 10% หารายได้แสนล้านโปะรัฐ-ใช้หนี้

วันที่ 26 กันยายน กระทรวงการคลัง เล็งหารายได้โปะรัฐด้วยการปรับวิธีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เป็น 2 อัตรา โดยสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าที่ไม่จำเป็น อาจจะเก็บเต็มเพดานที่ 10%

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอแนวคิดการใช้อัตราภาษีแวต 2 อัตรา โดยอัตราปกติ 7% สำหรับสินค้าทั่วไปและจัดเก็บอัตราสูงกว่า 7% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย คาดว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งแนวคิดการจัดเก็บภาษีแวต 2 อัตรานั้น ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เคยศึกษาไว้นานแล้ว โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคสินค้าที่จำเป็นในชีวิต ภาษีอยู่ที่อัตราเดิม 7% แต่สินค้าบางชนิดที่ไม่จำเป็นหรือจัดอยู่ในสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สุรา ยาสูบ จะเก็บในอัตราสูงกว่าปกติ ตามเพดานในกฎหมาย กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 10%
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังเสนอปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย และฝ่ายการเมืองไม่สนับสนุน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อประชาชน ช่วงที่ผ่านมามีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการปรับลดภาษี ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้อัตราสูงสุดตามโครงสร้างลดลงเหลือ 35% จากเดิม 37% และปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% ลงเหลือ 20%

“ส่วนการปรับขึ้นภาษีทำได้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่รายจ่ายของรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับพิเศษ 2 ฉบับ รวมวงเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลต้องขยายเพดานของการก่อหนี้สาธารณะเป็นไม่เกิน 70% จากเดิมไม่เกิน 60% เพื่อรองรับการขยายตัวของภาระหนี้สาธารณะสูงขึ้น ซึ่ง ณ กรกฎาคมนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60.75 %” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า กรมสรรพากร ถือเป็นกรมจัดเก็บภาษีที่สำคัญ ทำรายได้เข้ารัฐมากที่สุด ปีงบประมาณที่แล้วกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีให้รัฐรวม 1.87 ล้านล้านบาท คิดเป็นเกือบ 80% ของรายได้สุทธิของรัฐ ขณะที่ช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564-กรกฎาคม 2565) กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ 1.67 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม 7.66 แสนล้านบาท โดย 10 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้รายได้จากแวตสูงกว่าเป้าหมาย 18.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 17.3% รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม คิดเป็นสัดส่วนราว 45% ของรายได้จากการจัดเก็บทั้งหมดของกรมสรรพากร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image