นายธนินท์ เจียรวนนท์ ให้สัมภาษณ์ในรายการสุทธิชัยไลฟ์ โดย นายสุทธิชัย หยุ่น ในหัวข้อ“มุมมอง ธนินท์ เจียรวนนท์ โควิดกับทางออกของประเทศไทย” ในบทบาทภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และแนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทยที่นายธนินท์เน้นย้ำว่า เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อ ของประเทศไทย ซึ่งวิกฤติโควิดเป็นเหมือนสงครามโลก (โรค) ครั้งที่ 3 ก็ว่าได้ เพราะทุกประเทศได้รับผลกระทบหมด แต่หากประเทศใดปรับตัวได้ก็จะก้าวกระโดด แต่หากประเทศไทยขาดนโยบายที่มีความพร้อมเปลี่ยนแปลงไม่เร็วพอ ก็จะตกขบวน ตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ในสถานการณ์ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง และยังไม่แน่ใจว่า ฟ้าจะกลับมาสว่างอีกครั้งเมื่อใด
นายธนินท์ได้กล่าวถึง 4 ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) ปากท้อง2) ป้องกัน 3) รักษา 4) อนาคต
ประเด็นแรกคือ “ปากท้อง” ปัจจุบันคนได้รับความลำบากมากในต่างจังหวัด ยังพอมีญาติ มีอาหารมาแบ่งปัน แต่คนมีรายได้น้อยในเมืองเมื่อต้องกักตัวทำงานไม่ได้ จะลำบากมากแม้กระทั่งอาหาร ภาครัฐต้องมีมาตรการมาดูแล ในส่วนของภาคเอกชนทำได้เพียงช่วยแบ่งเบาภาระโดยเครือซีพี มีโครงการครัวปันอิ่มแจกอาหาร
ประเด็นที่สองคือ “ป้องกัน” โดยเน้นความสำคัญของวัคซีน ยิ่งฉีดได้ครอบคลุมรวดเร็ว ก็จะลดผลกระทบได้มากในตอนหนี่งของการสัมภาษณ์ นายสุทธิชัย หยุ่น ได้ถามว่านายธนินท์ หรือซีพี มีส่วนในการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งนายธนินท์ ได้ตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องเพราะการผลิตวัคซีนของซิโนแวคต้องส่งให้กับรัฐบาลจีน ต่อให้เอกชนอยากซื้อก็ซื้อไม่ได้ พนักงานเครือซีพีในจีน ยังไม่สามารถซื้อซิโนแวคมาฉีดให้พนักงานได้เลยซึ่งในไทยซีพียังต้องสั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มมา 1 แสนโดส มาดูแลพนักงาน โดยซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ประเด็นที่สามคือ “รักษา” ต้องเร็ว ถึงแม้ว่าผู้ป่วย 90% หายได้ด้วยการดูแลตัวเองแต่การที่ผู้ป่วยต้องอยู่บ้านเป็น Home Isolationมากขึ้นจำเป็นต้องดำเนินการคู่กับหมอทางไกล Telehealth และต้องเข้าถึงยาโดยเร็ว เครือซีพีคงช่วยได้บ้างในเรื่องการปลูกฟ้าทะลายโจรในโครงการ ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร แจกฟรี30 ล้านเม็ด ในพื้นที่ 100 ไร่ ใน 100 วันเราจะปลูกเพื่อแจกจ่ายฟรี
ประเด็นที่ 4 คือ “อนาคต” ประเทศไทยเสี่ยงถดถอย หากภาครัฐไม่มีมาตรการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบัน ธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ ล้วนได้รับผลกระทบหากต้องล้มหายตายจากไป หลังพ้นวิกฤติบริษัทที่จะจ่ายภาษีให้ประเทศได้จะลดน้อยลงและเครื่องจักรเศรษฐกิจ เช่น ท่องเที่ยว ส่งออกจะฟื้นตัวช้าหากปิดกิจการไปแล้ว ดังนั้น ต้องดูแลให้ธุรกิจทุกระดับอยู่รอด และปรับตัวสู่ธุรกิจอนาคต ที่สำคัญต้องเตรียมพร้อมเรื่องคน วันนี้ไทยแข่งเรื่องแรงงานราคาถูก กับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้แล้ว ดังนั้น ไทย ต้องขยับไปสู่ธุรกิจไฮเทค เราต้องออกไปเชิญชวนนักลงทุนให้มาลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศไทย
นายธนินท์ย้ำว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิกฤติครั้งนี้คือ ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง การปรับตัว หากปรับตัวไม่ได้ก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ ไม่ว่าบริษัทจะใหญ่หรือเล็ก ประเทศใดปรับตัวได้จะเป็นผู้นำใหม่ ประเทศที่เคยเป็นผู้นำ หากปรับตัวไม่ได้ ก็จะกลายเป็นผู้ตาม นี่แหละ คือ สงครามโลก(โรค) ครั้งที่ 3 ที่ทุกหย่อมหญ้าได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี