นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 44 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 28 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,781 ล้านบาท
สำหรับการอนุญาตให้คนต่างชาติ 16 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ มีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 469 ล้านบาทส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 837 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจครั้งนี้ ได้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันสิ่งอันตราย หรือปนเปื้อนอาหาร สำหรับการประกอบกิจการร้านอาหาร องค์ความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้สำหรับการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต (Broadband System) องค์ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งการใช้งานและดูแลรักษาเครื่องจักรที่ใช้สำหรับกำจัดฝุ่นดักจับฝุ่น และดูดฝุ่นสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve)รวมถึงสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต บริการให้ใช้พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการประกอบและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม(Shared Kitchens) ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการบนแพลตฟอร์ม บริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาสินค้าประเภทเครื่องจักรที่ใช้กำจัดฝุ่น บริการติดตั้งและให้คำปรึกษาแนะนำทางเทคนิครวมทั้งแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานสินค้าประเภทอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต (Broadband System Products) บริการให้ใช้ช่วงสิทธิในซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Internetof Things : IoT) รวมทั้งแอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมต่างๆ และในครัวเรือน เป็นต้น
ส่วนการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ 31 ราย และลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 5 ราย และอื่นๆ8 ราย มีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 2,285ล้านบาท คิดเป็น 39% ของเงินลงทุนทั้งหมด ลงทุนที่กรุงเทพฯ 3,274 ล้านบาทสัดส่วน 57% และอื่นๆ 222 ล้านบาทสัดส่วน 4% โดยใน EEC เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 3 ราย ลงทุน 962 ล้านบาท และสิงคโปร์ 2 ราย ลงทุน 1,323 ล้านบาทและธุรกิจที่ลงทุน เช่น 1.บริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาสินค้าประเภทเครื่องจักรที่ใช้การกำจัดฝุ่น 2.การจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตเครื่องจักรชิ้นส่วนโลหะ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ และ 3.บริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี