ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ทรงตัว” เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

การลงทุน
ภาพ : Pixabay

“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ปรับตัวลดลง 16.1% จากเกณฑ์ร้อนแรงเดือนก่อนหน้า นักลงทุนหวั่นโควิดระบาด-วัคฉีดล่าช้า-ความขัดแย้งระหว่างประเทศ-การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมิถุนายน 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.05 ปรับตัวลดลง 16.1% จากเกณฑ์ร้อนแรงเดือนก่อนมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบันที่ยืดเยื้อ รองลงมาคือความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80 -119) ปรับตัวลดลง 16.1% จากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 106.05

ความเชื่อมั่นนักลงทุนเกือบทุกกลุ่มอยู่ในระดับ “ทรงตัว” ยกเว้นกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในระดับ “ร้อนแรง”

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดการแพทย์ (HEALTH)

หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)

ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ แผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
Covid-19

ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบันที่ยืดเยื้อ

“ผลสำรวจ ณ เดือนมิถุนายน 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 12.3% อยู่ที่ระดับ 109.91 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 44.4% อยู่ที่ระดับ 83.33 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% อยู่ที่ระดับ 130.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลงอยู่ระดับ 100.00

ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน 2564 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกระแสเงินลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่ทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นกลุ่ม Emerging Markets จากปัจจัยหนุนที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง โดยเป็นผลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โจ ไบเดน และการปูพรมฉีดวัคซีนในประเทศตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลัง ดัชนีมีความผันผวนจากความไม่แน่นอนในการส่งมอบวัคซีนซึ่งส่งผลต่อแผนการฉีดวัคซีนในประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นสูง การประกาศกึ่งล็อกดาวน์ในกรุงเทพฯ และจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลงมาอยู่ที่ 1.8% และ 3.9% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ส่งผลให้ SET index ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ปิดที่ 1,587.79 จุด ปรับตัวลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยในการประชุม G20 ในวันที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ ที่จะมีการหารือเรื่องอัตราการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำที่ระดับ 15% ทั่วโลก การประกาศประมาณการ GDP ของ IMF สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศในหลายประเทศ และการเฝ้าระวังการระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชีย ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกของไทยได้ ในส่วนของปัจจัยในประเทศ

ได้แก่ สถานการณ์การระบาดระลอกปัจจุบันที่ยืดเยื้อซึ่งจะส่งผลต่อภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุข แผนการจัดหาและอัตราการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงซึ่งจะกระทบต่อความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับแผนการเปิดประเทศภายใน 120 วันตามประกาศของนายกรัฐมนตรี ผลการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ในเดือนกรกฎาคมนี้ และมาตรการภาครัฐในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด