ธปท.เปิด “หมอหนี้เพื่อประชาชน” ลุยแก้หนี้ครบวงจร

ธปท

ธปท.จับมือ คลัง-บสย.-สมาคมแบงก์รัฐ-สมาคมธนาคารไทย ผลักดัน “โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” เพิ่มช่องทางลูกหนี้แก้ไขหนี้-ขอคำปรึกษาโมเดลธุรกิจพลิกรายได้ช่วงโควิด-19 ลั่นเตรียม “หมอหนี้” กว่า 200 ราย ลุยให้คำแนะนำ ชี้ปลายปีจ่อดึง Chatbot ช่วยตอบคำถามเร็วขึ้น หวังลูกหนี้รายย่อยเข้าเว็บไม่มากกว่า 1 หมื่นรายต่อเดือน เอสเอ็มอีเพิ่ม 2 เท่าจาก 200 รายต่อเดือน 

วันที่ 30 สิงหาคม 2564 นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง ทำให้รายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการหายไปหรือลดลงมาก ลูกหนี้มีความยากลำบากในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งผ่านมากระทรวงการคลัง ธปท. และผู้ให้บริการทางการเงินได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกมาตรการเพื่อให้เกิดการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน 

อย่างไรก็ดี การมีเครื่องมือให้ความรู้และคำปรึกษาการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจร จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้สามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ดีขึ้น โดยล่าสุด ธปท. กระทรวงการคลัง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) และสมาคมธนาคารไทย (TBA) ได้ร่วมกันจัดตั้ง “โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” เพื่อเป็นช่องทางให้คำแนะนำ ความรู้ และข้อมูลต่อการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การวิเคราะห์สถานะหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ การเตรียมตัวเจรจาแก้ไขหนี้ การเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อเสริมสภาพคล่องหรือลงทุน ปรับปรุงธุรกิจกลุ่มต่าง ๆ พร้อมการแนะนำเชิงลึกที่ตรงจุดผ่าน 

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ธปท.ได้เริ่มนำร่อง “โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และสมาพันธ์เอสเอ็มอี จัดให้ความรู้และคำปรึกษาเป็นรายกลุ่มไปแล้วจำนวน 940 ราย ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจที่เข้ามารับคำปรึกษา เช่น กลุ่มการค้า บริการ ขนส่ง ภาคการผลิต และโรงแรม เป็นต้น 

สำหรับโครงการ “หมอหนี้เพื่อประชาชน” จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.จะให้ความรู้เพื่อแก้ไขหนี้ผ่านเว็บไซต์ 1213 โดยลูกหนี้รายย่อยสามารถศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่ง ธปท.ได้รวบรวมมาตรการและแนวทางต่าง ๆ แล้ว ไม่ว่าการแก้ไขหนี้  วางแผนด้านการเงิน และยังสามารถตรวจสุขภาพทางการเงินโดยสามารถได้รับการแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จไม่ต้องพบหมอหนี้  

และ 2.ให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับเอสเอ็มอี โดยสามารถลงทะเบียน กรอกข้อมูลเพื่อนัดพบหมอหนี้เพื่อขอคำแนะนำการวางแผน ทั้งแผนปรับโมเดลธุรกิจ  แผนเพิ่มรายได้ แผนชำระหนี้ และกรณีต้องการสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งมีช่องทางติดต่อทั้ง ธปท.สำนักงานใหญ่ และสำนักงานภาคอีก 3 แห่ง และสถาบันการเงินอีก 13 แห่ง แบ่งเป็น แบงก์รัฐ 7 แห่ง และธนาคาพาณิชย์ 8 แห่ง และหลังจากนี้คาดว่าจะมีสถาบันการเงินเข้าร่วมมากขึ้น โดยปัจจุบันมี “หมอหนี้” ที่ให้คำปรึกษากว่า 200 คน  

“เราเริ่ม Soft Opening โครงการหมอหนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงเดือน ก.ค.ลูกหนี้นำร่องแล้ว 940 ราย ซึ่งระยะต่อไปจะประสานหน่วยงานรัฐช่วยประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อให้ลูกหนี้เข้ามาใช้ประโยชน์ โดยเราคาดว่าจะมีจำนวนลูกหนี้รายย่อยที่จะเข้ามาผ่านเว็บไซต์มากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่นรายต่อเดือน ส่วนลูกหนี้เอสเอ็มอีปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 200 ราย คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่าหลังจากโครงการได้สื่อสารออกไป และภายในปลายปีเราจะเพิ่ม Chatbot เข้ามาช่วยตอบคำถามให้เร็วและตรงชัดขึ้น เราพร้อมรองรับโฟลว์ลูกหนี้ที่จะเข้ามาได้”