นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย กระทบอินเดียแห่ยกเลิกตั๋ว

นักท่องเที่ยวจีน

จีนเอฟเฟ็กต์ ! นักท่องเที่ยวอินเดียแห่ยกเลิกตั๋วบิน-ห้องพัก หลังรัฐบาลออกมาตรการคนเดินทางมาจากไทยต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ ผู้ประกอบการ “ภูเก็ต-พัทยา” เผยตัวเลขอินเดียหาย 50-60% พร้อมชะลอเดินทางออกไป 1-3 เดือน กรุ๊ปจัดงานไมซ์-งานแต่งแคนเซิลแล้ว 100% ล่าสุด 15 สายการบินปักหมุดบินเข้าไทย ทอท.คาดตรุษจีน 4 วัน จีนทะลักเข้าไทย 1 แสนคน

การประกาศเปิดประเทศของจีนได้สร้างความตื่นตัวและความหวังให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยไม่น้อย แต่ในทางปฏิบัติอาจจะยังมีความสับสนอยู่บ้าง จากนโยบายการควบคุมและคัดกรองโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันนัก ทำให้หลาย ๆ ประเทศเริ่มมีความกังวลว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ อาจจะเป็นการนำเชื้อโควิดมาแพร่ และได้ประกาศให้คนประเทศของตนต้องมีการตรวจคัดกรองโควิดก่อนกลับเข้าประเทศ

ชี้ “อินเดีย” เจอ 2 เด้งวูบ 20%

นางสมทรง สัจจาภิมุข ประธานบริษัท เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล จำกัด รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และรองประธานหอการค้าอินเดีย-ไทย กล่าวยอมรับว่า มาตรการที่รัฐบาลอินเดียกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางออกจากประเทศไทยต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับประเทศตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา บวกกับนโยบายจีนเปิดประเทศเติมรูปแบบ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยโดยรวมหายไปราว 20%

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโดน 2 ต่อ คือ ทั้งมาตรการ RT-PCR ก่อนกลับเข้าประเทศ และจากประเด็นจีนเปิดประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนจีน และส่วนตัวมองว่ารัฐบาลอินเดียออกประกาศดังกล่าวเร็วเกินไป ทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวไม่มีเวลาปรับเปลี่ยนการเดินทาง

ที่สำคัญการกำหนดให้นักท่องเที่ยวทำ RT-PCR ก่อนกลับประเทศของรัฐบาลอินเดีย ยังทำให้นักท่องเที่ยวมีต้นทุนการเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาค่าตรวจ RT-PCR ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีราคาเฉลี่ยประมาณ 3,000 บาท ส่วนสถานพยาบาลทั่วไปมีตั้งแต่ระดับ 2,000-5,000 บาท นอกจากนี้ยังทำให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกถึงความไม่สะดวกในการเดินทางด้วย

อินเดียยกเลิกมาพัทยา 50%

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้ประเทศอินเดียออกมาตรการให้ทุกคนที่เดินมาจากประเทศไทยต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับ และล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศประเทศดังกล่าวซื้อประกันสุขภาพ ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาในไทยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ส่งผลให้ตอนนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอินเดียหายไปประมาณ 50% และมีการชะลอการเดินทาง และยกเลิกบุ๊กกิ้งที่จองเข้ามา

“เข้าใจว่าเกือบทุกประเทศมีการกังวลในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังจะเข้ามา และมีความเสี่ยงการติดเชื้อค่อนข้างสูง รัฐบาลอินเดียจึงวางมาตรการป้องกันด้วยการให้ตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ และหากประเทศอื่น ๆ มีการออกมาตรการในลักษณะนี้ก็จะเป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาไทยเช่นกัน”

นายสรรเพชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเลื่อนวันเข้าพักของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์บ้างแล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง หรือ FIT ยังคงมีเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมก็พยายามประสานงานเกี่ยวกับเรื่องราคาค่าตรวจ RT-PCR เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และจากการสอบถามเอเย่นต์คาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 1-3 เดือน ต้องรอดูสถานการณ์เป็นระยะ ๆ หวังว่ามาตรการจะคลี่คลายโดยเร็วเพราะอินเดียถือเป็นตลาดหลักของพัทยา

กรุ๊ปทัวร์อินเดียยกเลิก 100%

นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลอินเดียกำหนดเงื่อนไขให้นักท่องเที่ยวอินเดียต้องตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่องกลับอินเดีย ส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวอินเดียที่จะเดินทางมาประเทศไทยลดลงทันที ไม่ต่ำกว่า 50-60% และคาดว่าจะกินเวลาไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาคนอินเดียเดินทางเข้ามาภูเก็ต ประมาณ 50,000-60,000 คนต่อเดือน รองจากรัสเซีย

และสิ่งที่ภูเก็ตจะทำได้คือ การเตรียมความพร้อมในเรื่องของการตรวจ RT-PCR เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอินเดีย เช่น การตั้งศูนย์ตรวจให้ในจุดที่นักท่องเที่ยวอินเดียชอบอยู่ เช่น ป่าตอง หรือถ้ามีนักท่องเที่ยวอินเดียรวมตัวกันได้จำนวนหนึ่ง จะมีบริการเข้าไปทำการตรวจออนไซต์ให้ การจองคิวตรวจ RT-PCR ในราคาประมาณ 1,000 บาท/ครั้ง

“แต่การอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะลูกค้าชาวอินเดียยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์อินเดียยกเลิกเดินทางมา 100% ทั้งลูกค้าตลาดไมซ์ ลูกค้ากลุ่มที่จะมาจัดงานแต่งงาน กระทบธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งหมด”

นายธเนศกล่าวต่อไปว่า ในส่วนนักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาภูเก็ต โดยจะมีเที่ยวบินตรงมาลงภูเก็ตมากขึ้น โดยจะมีเที่ยวบินปฐมฤกษ์เข้ามาในวันที่ 18 มกราคม 2566 ตอนนี้ยืนยันบินมา 3 ไฟลต์บิน รอยืนยันอีก 2 ไฟลต์ รวมเป็น 5 ไฟลต์ หลังจากนั้นจะมีบินมาทุกวัน และวันที่ 24 มกราคม 2566 จะมีเที่ยวบินจากเฉิงตู-ภูเก็ต อีก 3 ไฟลต์ วันละประมาณ 8 ไฟลต์ ซึ่งทางสายการบินของจีนแจ้งว่า ช่วงแรกเครื่องบินอาจจะขนาดเล็ก แต่หากลูกค้าเพิ่มขึ้นจะปรับนำเครื่องบินขนาดใหญ่มาบิน แต่ยอมรับตอนนี้ค่าตั๋วเครื่องบินจากจีน-ภูเก็ต ราคายังสูงมาก ประมาณ 5,500 หยวน

คาดตรุษจีน “จีน” เข้า 1 แสนคน

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้สังกัด ทอท. 6 แห่ง มีผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศใช้บริการรวมเฉลี่ยวันละ 300,000 คน โดยผู้โดยสารในประเทศกลับมามีจำนวนใกล้เคียงกับก่อนการระบาดของโควิด-19 แล้ว ส่วนเส้นทางระหว่างประเทศกลับมาแล้วประมาณ 74% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนการระบาดโควิด-19

สำหรับตลาดจีนในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ผู้โดยสารชาวจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. คิดเป็นสัดส่วน 26% ของผู้โดยสารเที่ยวบินต่างประเทศทั้งหมด โดยคาดว่าหลังจากจีนเปิดประเทศ หรือตั้งแต่ 18 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ (18-21 ม.ค.) ได้รับรายงานจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ว่า จะมีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาในทุกท่าอากาศยานทั่วประเทศประมาณ 380 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารรวมราว 100,000 คน

15 แอร์ไลน์ ปักหมุดบินเข้าไทย

สอดรับกับนายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่เปิดเผยว่า กพท.ได้รับการประสานจากสายการบินสัญชาติจีนที่จะเข้ามาทำการบินเชิงพาณิชย์ และได้รับอนุญาตแล้วตั้งแต่ 8 ม.ค.-31 มี.ค. 2566 (ตารางบินฤดูหนาว) จำนวน 15 สายการบิน ประกอบด้วย 1.9 Air ทำการบิน 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-กว่างโจว และกรุงเทพฯ-กุ้ยหยาง 2.Air China ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-หางโจว

3.China Eastern ทำการบิน 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-คุนหมิง และกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ 4.China Southern Airlines ทำการบิน 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-กว่างโจว และกรุงเทพฯ-อู่ฮั่น 5.Guangxi Beibu Gulf Airlines ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-หนานหนิง

6.Hebei Airlines ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-หางโจว 7.Juneyao Airlines ทำการบิน 4 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้, หาดใหญ่-เซี่ยงไฮ้, หาดใหญ่-หนานจิง และเชียงใหม่-เซี่ยงไฮ้ 8.Kunming Airlines ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-คุนหมิง 9.Lucky Air ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-คุนหมิง 10.Ruili ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ เชียงใหม่-คุนหมิง 11.Shanghai Airlines ทำการบิน 1 เส้นทาง คือกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้

12.Shenzhen Airlines ทำการบิน 1 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เสิ่นเจิ้น 13.Sichuan Airlines ทำการบิน 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เฉิงตู และเชียงใหม่-เฉิงตู 14.Spring Airlines ทำการบิน 5 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-หนานหนิง กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ เชียงใหม่-กว่างโจว เชียงใหม่-เซี่ยงไฮ้ และหาดใหญ่-เซี่ยงไฮ้ และ 15.Xiamen Airlines ทำการบิน 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เทียนจิน และกรุงเทพฯ-เซียะเหมิน

ปี’65 อินเดียเข้าไทย 9.6 แสนคน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมรวม 11,818,727 คน คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งต่างชาติเที่ยวไทยและคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศรวมที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ประกอบด้วย 1.มาเลเซีย 1,951,834 คน 2.อินเดีย 965,994 คน 3.ลาว 844,959 คน 4.กัมพูชา 591,657 คน และ 5.สิงคโปร์ 589,770 คน

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงเป้าหมายสำหรับปี 2566 ว่า ททท.ตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2.38 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 25 ล้านคน และจากตลาดในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย จำนวน 180 ล้านคน/ครั้ง


“ปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประมาณ 2.74 แสนคน ซึ่งหลังจากจีนมีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าในช่วง 3 เดือนนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยรวมประมาณ 3 แสนคน และมีจำนวนรวมทั้งปี 2566 ที่ประมาณ 5 ล้านคน” นายยุทธศักดิ์กล่าว