นอกจากภาครัฐที่จะนำเข้าและขึ้นทะเบียนวัคซีนแล้ว โรงพยาบาลเอกชนต่างมุ่งหวังที่จะนำเข้าและสั่งซื้อวัคซีนเช่นกัน แต่ยังติดปัญหามากมาย โดยเฉพาะขั้นตอนและการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำให้สูญเสียโอกาสและมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ น.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้ผลักดันให้นำ “วัคซีนโควิด” เข้ามาใช้ในเมืองไทย เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
มองสถานการณ์โควิด-19 อย่างไร
“นพ.บุญ” บอกว่า ประเทศไทยเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ที่มีอยู่ราว 1.5 ล้านคน คนเหล่านี้อยากกลับบ้าน อีกกลุ่มคือ แรงงานต่างชาติ มีราว 2- 4 ล้านคน ทั้งที่เข้ามาแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่การระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นต่างกับครั้งแรก เพราะเกิดในพื้นที่สีเทา ทำให้การติดตามค่อนข้างยากลำบาก
“ผมเคยพูดว่า โควิดจะอยู่กับเราอีก 4 ปี เหมือนการวิ่งมาราธอน แต่คนไทยมีวินัยและมีความหวัง มีวัคซีน เป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งธนบุรีเองได้ศึกษาเรื่องนี้มาต่อเนื่อง เราใช้เงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านผลิตถุงมือยาง มีโรงพยาบาลในเครือรวมกว่า 40 แห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงเมียนมา ซึ่งโรงพยาบาลได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยทำจดหมายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงความจำเป็นและเหตุผลต่างๆ นานา รวมถึงเอกสารแจงรายละเอียดของวัคซีน โดยบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด”
ทำไมต้องเป็นวัคซีน ของซิโนแวค
ปัจจุบันวัคซีนทั่วโลกมีกว่า 10 ชนิด แต่วัคซีนที่ถูกพูดถึงมาก จะมีของไฟเซอร์และโมเดิร์นนา ซึ่งเป็น mRNA วัคซีน คือการนำไวรัสมาฆ่าเชื้อ และเอาโปรตีนที่เป็นพิษออก นำมาทำเป็นวัคซีน แล้วฉีดกลับเข้ามาที่คน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ที่เป็นภูมิตานทานต่อโรคโควิด-19 ซึ่งฤทธิ์ข้างเคียงคือ อาการแพ้ และปัจจุบันถูกนำไปใช้ในหลายประเทศ โดยพบว่า ชาวอเมริกัน 40% ไม่ยอมฉีดวัคซีนนี้
เช่นเดียวกับ 60% ของชาวฝรั่งเศส เพราะหวั่นวิตกว่าระยะยาวอาจส่งผลต่อดีเอ็นเอของร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง หรือโรคใหม่ได้ ขณะที่วัคซีน mRNA ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิติดลบ 70-80 องศา การขนส่ง การดำเนินการฉีดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำได้ยากต้องใช้ต้นทุนสูง ค่าใช้จ่ายย่อมสูงมาก ราคาวัคซีนจะสูงถึง 8,000 บาทต่อโด๊ส
ขณะที่วัคซีนของซิโนแวค เกิดจากเทคโนโลยีเก่าที่ใช้มานาน 80 ปี ผ่านการศึกษาวิจัยมา และนำมาใช้ในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ มาแล้ว แม้ผลตอบรับในประสิทธิภาพราว 79% ถือว่ารับได้ การดูแลรักษาในอุณหภูมิปกติ ระดับราคาไม่สูงมากนัก และปัจจุบันมีการทดสอบผ่านในเฟส 3 แล้ว และทุกประเทศพบว่า มีประสิทธิภาพ และฤทธิ์ข้างเคียงน้อย หากนำมาฉีดราคาวัคซีนจะอยู่ราว 1,600 บาทต่อโดส
ทำไมเอกชนขึ้นทะเบียนวัคซีนไม่ได้
“นพ.บุญ” กล่าวต่อว่า หลังจากยื่นเอกสารเข้าไปขอขึ้นทะเบียน และมีการพูดคุยกับ อย. มีการขอเอกสารต่างๆ เพิ่ม ซึ่งทางประเทศจีน ก็จัดส่งมาให้ ขณะที่ อย.แจ้งว่า ต้องใช้เวลานาน 3 เดือน ในการพิจารณา แต่ผมรอไม่ได้ใช้เวลานานเกินไป ทำให้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด
“วันนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงคราม จะนั่งตรวจเอกสาร นาน 3 เดือน 6 เดือนเหมือนช่วงเวลาปกติไม่ได้ หากขึ้นทะเบียนสำเร็จในเดือนมกราคมนี้ ซิโนแวค พร้อมส่งวัคซีนให้ทันทีภายใน 1 สัปดาห์ เราก็สามารถฉีดได้ทันทีในต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากขึ้นทะเบียนให้กับวัคซีนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ให้วัคซีนของเราขึ้นทะเบียน เราไม่ยอมเพราะถือเป็นการกีดกันเอกชนและจะยื่นฟ้องศาลปกครองคุ้มครองฉุกเฉินทันที”
วันนี้ซิโนแวค พร้อมที่จะช่วยเหลือและให้สิทธิในการซื้อวัคซีนกับประเทศไทยก่อนและโรงพยาบาลเอง ก็ตั้งเป้าหมายที่จะนำเข้า 1 ล้านโดส เพื่อนำมาใช้กับบุคลากรของโรงพยาบาล เพราะปัจจุบันมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เมียนมา แต่ก็ติดปัญหาเรื่องของการขึ้นทะเบียนวัคซีน ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งควรจะขึ้นทะเบียนวัคซีนได้ เราไม่ได้ต้องการขึ้นทะเบียนคนเดียว ไม่สนับสนุนให้เกิดการผูกขาด เพราะคนไทยทุกคนควรมีสิทธิในการได้รับวัคซีนเช่นกัน
ที่มา : หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,645 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สั่งวางแผนเร่งด่วน ฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเสี่ยง 13 ล้านคนกลางปีนี้
ทำความรู้จักบิ๊กวัคซีนจีน “ซิโนแวค ไบโอเทค”
สธ.เคาะฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเสียง“18 ปีขึ้น-ผู้สูงอายุ” เว้นเด็ก-คนท้อง
คลอดแล้ว ! แผนงานให้วัคซีนโควิด-19 ระบุกลุ่มฉีดอันดับต้นๆ
ซีอีโอบริษัทผู้ผลิตวัคซีน "โมเดอร์นา" เตือน โควิด-19 จะอยู่กับโลกตลอดไป